ขสมก.เปิดจำหน่ายตั๋วสัปดาห์ ตั๋วเดือนไม่จำกัดเที่ยวแล้ว

 

 

ขสมก. เพิ่มความสะดวกผู้ใช้บริการ เปิดจำหน่ายตั๋วสัปดาห์ ตั๋วเดือน ใช้ได้ไม่จำกัดเที่ยวตามวันที่กำหนด (ขสมก.)

องค์การ ขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กระทรวงคมนาคม เพิ่มความสะดวกในการเดินทางให้กับผู้ใช้บริการรถโดยสารประจำทาง โดยการจัดทำตั๋วรายสัปดาห์และตั๋วรายเดือน แยกเป็นตั๋วโดยสารรถธรรมดาและตั๋วโดยสารรถปรับอากาศ กำหนดจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และสามารถใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2554 เป็นต้นไป

นายโอภาส เพชรมุณี ผอก.ขสมก. แจ้งข่าวว่า เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้กับผู้ใช้บริการ ให้สามารถเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทางได้สะดวกยิ่งขึ้น และพัฒนาไปสู่การใช้ตั๋วอิเล็กทรอนิกส์และตั๋วร่วมที่สามารถใช้กับระบบขนส่ง มวลชนอื่นได้ ขสมก.ได้จัดทำตั๋วรายสัปดาห์และรายเดือน เพื่อจัดจำหน่ายให้กับประชาชนผู้ใช้บริการ โดยมีรายละเอียดดังนี้

ประเภทของตั๋ว	ราคาตั๋วรายสัปดาห์ (บาท)	ราคาตั๋วรายเดือน (บาท)
ตั๋วโดยสารรถธรรมดา	100	400
ตั๋วโดยสารรถปรับอากาศ	200	800

เงื่อนไขการใช้ตั๋ว

– ตั๋วรายสัปดาห์และตั๋วรายเดือน ประเภทรถโดยสารธรรมดา ใช้บริการได้เฉพาะรถธรรมดาเท่านั้น ไม่สามารถเดินทางด้วยรถโดยสารปรับอากาศได้

– ตั๋วรายสัปดาห์และตั๋วรายเดือน ประเภทรถโดยสารปรับอากาศ สามารถเดินทางได้ทุกสาย ทั้งรถโดยสารธรรมดา และรถโดยสารปรับอากาศ

– ตั๋วรายสัปดาห์และตั๋วรายเดือน สามารถใช้บริการได้กับรถของขสมก. ทุกสาย ทุกประเภท โดยไม่จำกัดจำนวนเที่ยว ภายในวันที่กำหนดไว้ในตั๋ว และไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่ม (รถบริการบนทางด่วน, รถบริการตลอดคืน) แต่ไม่สามารถใช้บริการกับรถเอกชนร่วมบริการได้

สถานที่จำหน่าย และกำหนดการใช้ตั๋ว

มีจำหน่าย ณ ที่ทำการสำนักงานใหญ่ ขสมก. ชั้น 1 (ห้อง 184), ที่ทำการของ ขสมก. ทุกแห่ง, พนักงานขสมก. และตัวแทนจำหน่ายที่มีสัญลักษณ์บ่งชี้ไว้ โดยจะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2554 และสามารถใช้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2554 เป็นต้นไป

ต้อง การทราบรายละเอียดเพิ่มเติม หรือต้องการสอบถามเกี่ยวกับการใช้บริการ, เส้นทางรถเมล์ และแนะนำบริการได้ที่ศูนย์ Call Center หมายเลข 184 ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 – 22.00 น. และสามารถส่ง sms ที่หมายเลข 4264998 ได้ตลอดเวลา

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

คนเฮ! สมาร์ทการ์ด คลอด มี.ค.นี้

 

คนถือบัตรเหลืองขนาด  A4 แทนบัตรประชาชนเฮ! กระทรวงไอซีที เผยใช้บัตรสมาร์ทการ์ด มี.ค.นี้

บัตร ประจำตัวประชาชน ถือเป็นเอกสารที่ทางราชการออกให้เฉพาะผู้มีสัญชาติไทย และเป็นเครื่องยืนยันตัวบุคคลที่ถือบัตร รวมถึงสามารถนำไปสู่การมีสิทธิ และทำนิติกรรมด้านต่าง ๆ และด้วยความที่บัตรประจำตัวประชาชนมีความสำคัญ ทำให้หน่วยงานต่าง ๆ หาวิธีให้บัตรประจำตัวประชาชนเป็นบัตรที่สามารถบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ในบัตรได้ จนนำไปสู่การออกแบบและทำบัตรประจำตัวประชาชนอิเล็กทรอนิกส์แบบอเนกประสงค์ หรือ สมาร์ทการ์ด

ข่าวการทำบัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ดในช่วงนั้นทำให้ประชาชนทั่วประเทศดีใจ เพราะจะได้ใช้บัตรแบบใหม่กัน โดยบัตรประชาชนแบบใหม่จะมีข้อมูลผู้ถือบัตร และมีความแข็งแรงทนทาน รายการในบัตรมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพื่อให้ใช้งานได้อย่างสากล มีไอซี ชิพ (IC Chip) สำหรับจัดเก็บข้อมูลจากหลายหน่วยงาน พร้อมลายพิมพ์นิ้วมือเจ้าของบัตร เพื่อใช้ในการพิสูจน์ยืนยันตัวบุคคลในการขอรับบริการต่าง ๆ รวมถึงมีสัญลักษณ์สำหรับตรวจสอบป้องกันการปลอมแปลงบัตรนอกจากนั้น ประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด ยังมีประโยชน์ในการใช้บริการผ่านทางอินเทอร์เน็ต เพื่อตรวจสอบข้อมูลของตนเองได้ด้วย

อย่างไรก็ตาม ฟังดูตอนแรกก็ดูเหมือนว่า บัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด จะโอเคทุกอย่างหากทำได้ดังที่มีข่าวออกมาช่วงแรก ๆ จริง แต่ที่ผ่านมากรณีบัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด ก็มีปัญหาหลายเรื่อง และในช่วงต้น ๆ ปี 2553 ทางกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ได้มีการส่งมอบบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ดให้กระทรวงมหาดไทย จำนวน 9 ล้านใบ แต่ทางกระทรวงมหาดไทยไม่รับบัตร เนื่องจากเห็นว่าไม่ตรงกับกฎกระทรวงมหาดไทย จึงไม่สามารถออกบัตรประชาชนได้ บัตรประชาชนจึงขาดแคลน ทำให้ประชาชนเกือบ 4 ล้านคนทั่วประเทศ ต้องใช้บัตรเหลืองชั่วคราว ขนาด A4 แทน

อย่างไรก็ตาม ปัญหาบัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด ทางกระทรวงไอซีที และมหาดไทย ไม่สามารถตกลงกันได้ จนต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้ใช้บัตรเร็วที่สุด ภาครัฐ และเอกชนเสียหายน้อยที่สุด และที่ประชุม ครม. ก็มีมติให้กระทรวงมหาดไทยแก้ไขกฎกระทรวงดังกล่าว

ขณะ ที่เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้สอบถามถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จนทำให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ต้องเรียกกระทรวงมหาดไทย กระทรวงไอซีที และกระทรวงวิทยาศาสตร์ เร่งหาแนวทางแก้ไขปัญหา และได้ข้อยุติเรียบร้อย โดยกระทรวงมหาดไทยจะต้องมีหนังสืออย่างเป็นทางการถึงกระทรวงไอซีทีว่า ได้เห็นชอบในคุณสมบัติของบัตรตามกฎกระทรวงที่กระทรวงมหาดไทยได้ออกใหม่ ขณะที่กระทรวงไอซีที และกระทรวงวิทยาศาสตร์ ก็จะเป็นผู้ตรวจสอบคุณภาพบัตร ก่อนจะส่งมอบให้กระทรวงมหาดไทยนำไปกระจายให้ประชาชนเอาบัตรเหลืองมาเปลี่ยน เป็นบัตรประชาชนตัวจริงได้

ทางด้าน นายธานีรัตน์ ศิริปะชะนะ รองปลัดกระทรวงไอซีที กล่าวว่า ขั้นตอนบัตรสมาร์ทการ์ดได้ผ่านกระบวนการทุกขั้นตอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว และประชาชนที่ถือบัตรเหลืองขนาดเท่ากระดาษ A4 จะได้ใช้ในช่วงเดือนมีนาคมนี้ จำนวน 3 แสนใบ

ขอขอบคุณ

เปิดตัว iPad 2 เจ๋งกว่าเก่าแต่ราคาเท่าเดิม1

เปิดตัว iPad 2 เจ๋งกว่าเก่าแต่ราคาเท่าเดิม

รุ่น Wi-Fi + 3G

– ขนาด 9.50 x 7.31 นิ้ว หนา 8.8 มิลลิเมตร

– จอแสดงผลกว้าง 9.7 นิ้ว ระบบมัลติทัช มีความละเอียด 1024 x 768 พิกเซล น้ำหนัก 613 กรัม

– หน่วยประมวลผล 1GHz dual-core A5

– หน่วยความจำ 16 GB / 32 GB / 64 GB

– การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n , Bluetooth 2.1 + EDR

– รองรับเครือข่าย UMTS/HSDPA/HSUPA (850, 900, 1900, 2100 MHz); GSM/EDGE (850, 900, 1800, 1900 MHz)

– แบตเตอรี่ Lithium-Polymer สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้สูงสุด 10 ชั่วโมงบน Wi-Fi และ 9 ชั่วโมงบนเครือข่าย 3G

– กล้องหน้าความละเอียด VGA และกล้องด้านหลัง ความละเอียด HD 720p (30 เฟรมต่อวินาที) ซูมได้ 5 เท่าแบบดิจิตอล

– ระบบเซนเซอร์ ประกอบด้วย ระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวของตัวเครื่อง (Three-axis gyroscope), ระบบปรับการแสดงผลตามการหมุนหน้าจอ (Accelerometer Sensor), และ ปรับแสงสว่างของจอแสดงผลโดยอัตโนมัติ (Ambient Light sensor)

– ลำโพงมีขนาดใหญ่ขึ้น อยู่ด้านหลังตัวเครื่อง

– มีเข็มทิศดิจิตอล (Digital compass), ระบบ GPS และระบบ Cellular

– การเชื่อมต่ออุปกรณ์ มีพอร์ทเชื่อมต่อ Dock แบบ 30 เข็ม ชุดหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร และถาดใส่ซิมการ์ดแบบไมโครชิพ

– สามารถใส่พิกัด GPS ลงในรูปหรือวีดีโอผ่าน WiFi ได้

– ราคาเครื่อง แบบ 16GB ราคา $629, 32GB ราคา $729, และ 64GB ราคา $829

นอกจากนี้ iPad 2 ยังเปิดตัวพร้อมกับอุปกรณ์เสริม คือ แผ่นปิดหน้าจอที่เรียกว่า Smart Cover สีสันสะดุดตา ซึ่งหากพับแผ่นมาปิดหน้าจอ จะทำให้เครื่องเข้าสู่โหมด Sleep อัตโนมัติ และเมื่อเปิดแผ่น Smart Cover ขึ้นเครื่องก็จะเปิดเองโดยอัตโนมัติเช่นกัน ส่วนราคาของ Smart Cover นี้อยู่ที่ $39 สำหรับแบบพลาสติก และ $69 สำหรับแบบหนัง

งานนี้ เห็นทีว่าใครที่เพิ่งซื้อ iPad มาหมาด ๆ ก็คงบ่นเสียดายกันยกใหญ่ เพราะคุณสมบัติถูกพัฒนาขึ้นให้ดีกว่าเดิม ขณะที่เปิดตัวในราคาเท่ากันกับรุ่นเดิมในปีที่แล้ว (ปัจจุบัน Apple ลดราคา iPad รุ่นเดิมลง 3,000 บาทหลังเปิดตัว iPad 2) แต่สำหรับใครที่เห็นแล้วอยากจะได้ iPad 2 คงต้องอดใจรอกันไปอีกนิด เพราะมีกำหนดวางจำหน่ายในสหรัฐฯ ในวันที่ 11 มีนาคมนี้ ก่อนที่จะเปิดตัวและวางจำหน่ายในประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกต่อไป

ขอขอบคุณ http://www.kapook.com

เปิดตัว ipad 2 เจ๋งกว่าเก่าแต่ราคาเท่าเดิม3

เปิดตัว ipad 2 เจ๋งกว่าเก่าแต่ราคาเท่าเดิม

Apple announces iPad 2

 

 

ขอขอบคุณ http://www.kapook.com

เปิดตัว ipad 2 เจ๋งกว่าเก่าแต่ราคาเท่าเดิม2

เปิดตัว ipad 2 เจ๋งกว่าเก่าแต่ราคาเท่าเดิม

Introducing iPad 2

 

 

ขอขอบคุณ http://www.kapook.com

เปิดตัว iPad 2 เจ๋งกว่าเก่าแต่ราคาเท่าเดิม

หลังจากที่ตั้งตาตั้งตารอคอยกันมาเนิ่นนาน แถมยังมีข่าวลือให้แอบลุ้นกันเป็นระลอก ๆ ล่าสุด Apple ก็ได้เปิดตัว iPad 2 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา โดยมีสตีฟ จ็อบส์ ผู้บริหารระดับสูงของ Apple มาเปิดตัวเหมือนทุกครั้ง แม้จะอยู่ในช่วงลาพักงานเพื่อรักษาอาการป่วยในช่วงนี้ ขณะที่บรรดาสื่อมวลชนต่างแห่เข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง เพื่อเกาะติดและรายงานสถานการณ์ในงานเปิดตัว iPad 2 กันแบบสด ๆ นาทีต่อนาทีเลยทีเดียว ซึ่งหน้าตาและสเปคของ iPad 2 นี้ ก็คล้ายกับที่มีข่าวลือออกมาก่อนนี้ คือ มีขนาดบางลง น้ำหนักเบาลง และมีกล้องทั้งหน้าและหลัง ส่วนสเปคของ iPad 2 นั้น ก็มีการพัฒนาขึ้นบ้างเล็กน้อย โดยมีรายละเอียดดังนี้

รุ่น Wi-Fi

– ขนาด 9.50 x 7.31 นิ้ว หนา 8.8 มิลลิเมตร

– จอแสดงผลกว้าง 9.7 นิ้ว ระบบมัลติทัช มีความละเอียด 1024 x 768 พิกเซล น้ำหนัก 601 กรัม

– หน่วยประมวลผล 1GHz dual-core A5

– หน่วยความจำ 16 GB / 32 GB / 64 GB

– การเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n , Bluetooth 2.1 + EDR

– แบตเตอรี่ Lithium-Polymer สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้สูงสุด 10 ชั่วโมง

– กล้องหน้าความละเอียด VGA และกล้องด้านหลัง ความละเอียด HD 720p (30 เฟรมต่อวินาที) ซูมได้ 5 เท่าแบบดิจิตอล

– ระบบเซนเซอร์ ประกอบด้วย ระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวของตัวเครื่อง (Three-axis gyroscope), ระบบปรับการแสดงผลตามการหมุนหน้าจอ (Accelerometer Sensor), และ ปรับแสงสว่างของจอแสดงผลโดยอัตโนมัติ (Ambient Light sensor)

– ลำโพงมีขนาดใหญ่ขึ้น อยู่ด้านหลังตัวเครื่อง

– มีเข็มทิศดิจิตอล (Digital compass)

– การเชื่อมต่ออุปกรณ์ มีพอร์ทเชื่อมต่อ Dock แบบ 30 เข็ม และชุดหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร

– ราคาเครื่อง แบบ 16GB ราคา $499, 32GB ราคา $599, และ 64GB ราคา $699

 

ขอขอบคุณ http://www.kapook.com

5 สถานที่สุดโรแมนติก1

5 สถานที่สุดโรแมนติก

 

 

3. มอนติคาโล ในโมนาโก เมือง ที่มีอาณาเขตเล็กที่สุดของโลก ที่ทำให้คุณรู้สึกถึงคำว่า “เรา” เพราะเป็นเมืองที่สวยงามและโรแมนติกที่สุด พร้อม ๆ กับชวนกันไปสวีทหวานกับทัศนียภาพแสนงดงามริมทะเลสงบ หรือไปนอนอาบแดดแบบแนบชิด

4. ปราก ในสาธารณรัฐเช็ก เมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม เพราะไม่ว่าจะเป็นปราสาท เช่น โรมันเนสก์ โกธิค เรเนซองส บารอค ฯลฯ รวมถึงโบสถ์ และอาหาร ก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม เหมือนเราได้เหยียบเข้าไปสู่โลกแห่งเทพนิยาย และสามารถเดินเที่ยวได้ทั่วทั้งเมือง

5. ปารีส ในฝรั่งเศส สวรรค์ของคู่รักที่มักสาบานรักกันบนหอไอเฟล และดื่มด่ำกับวิวทิวทัศน์ของเมืองที่ได้รับฉายาว่า “นครแห่งแสงไฟ” เพราะทั่วทั้งเมืองจะสว่างไสวเต็มไปด้วยแสงไฟ สวยสดงดงามเป็นที่สุด

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

 

 

5 สถานที่สุดโรแมนติก

5 สถานที่สุดโรแมนติก

 

5 สถานที่สุดโรแมนติก (Lisa)

คู่รักคู่ไหนที่กำลังมองหาสถานที่สำหรับไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ วันนี้เราขอแนะนำ 5 สถานที่สุดโรแมนติก ซึ่ง เป็นการจัดอันดับสถานที่สุดโรแมนติกจาก http://www.mydearvalentine.com ที่แลกเปลี่ยนประสบการณ์ของบรรดาคู่รัก มาเป็นข้อมูลให้แก่คู่รักคู่ใหม่ ที่อยากท่องเที่ยวในต่างแดน…แต่จะเป็นที่ไหนบ้างนั้น ไปชมกันเลย

1. เวนิส ในอิตาลี เมือง แห่งความทรงจำที่ก่อนตายต้องไปให้ได้ เพราะด้วยสถาปัตยกรรมของเมือง และบรรยากาศชวนให้คู่รักเคลิบเคลิ้มอย่างมีความสุข รวมถึงการไปนั่งเรือกอนโดลา อีกสัญลักษณ์หนึ่งของเมืองเวนิส มีความเชื่อมาว่า ถ้าคู่รักได้จูบกันตอนระฆังปาไนล์ดังในช่วงเย็น ขณะลอดข้ามสะพานถอนหายใจ ถือว่าคู่รักคู่นั้นจะรักกันยืดยาว

2. เวียนนา ในออสเตรีย เป็น เมืองที่รวบรวมสถาปัตยกรรม ดนตรี และศิลปะไว้ด้วยกัน และคู่รักมักชักชวนกันไปชื่นชมบรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติก บริเวณที่แม่น้ำดานูบไหลผ่าน

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

 

Rapunzel

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

Rapunzel

ราพันเซล เจ้าหญิงผมยาวกับโจรซ่าจอมแสบ (วอลท์ ดิสนีย์ สตูดิโอส์ โมชั่น พิคเจอร์ส)

กำหนดฉาย : 3 มีนาคม 2554 (ในโรงภาพยนตร์ และ ในระบบดิสนีย์ ดิจิตอล 3 มิติ)
แนว : แอนิเมชัน
พากษย์เสียงโดย : แมนดี้ มัวร์, แซคคารี่ เลวี่, ดอนน่า เมอร์ฟี่ย์, รอน เพิร์ลแมน, เอ็ม. ซี. เกนนี
กำกับ : ไบรอน ฮาร์เวิร์ด, นาธาน กรีโน่
อำนวยการสร้าง : รอย คอนลี่
ประพันธ์เพลง : อลัน เมนเคน

ราพันเซล เจ้าหญิงผมยาวกับโจรซ่าจอมแสบ แอนิเมชันผจญภัย แสบ ๆ คัน ๆ จาก วอลท์ ดิสนีย์ พิคเจอร์ส ที่จะฉีกเรื่องราวของเจ้าหญิงผมยาวที่คุณเคยได้ยินมา การผจญภัยของจอมโจรสุดแสบที่โดนเจ้าหญิงผมยาวสุดซ่าจับตัวไว้ โดยมีข้อแม้ว่าเธอจะยอมปล่อยเขาเป็นอิสระ ถ้าเขาพาเธอออกไปจากหอคอยที่เธอถูกขังไว้มาตลอดชีวิต

แอนิเมชั่นที่คับคั่งไปด้วยสุดยอดทีมงานผู้สร้าง Tarzan และ Beauty and the beast

แมนดี้ มัวร์ นักร้อง / นักแสดง มากความสามารถ ให้เสียง ราพันเซล

แซคคารี่ เลวี่ นักแสดงหนุ่มหน้าทะเล้นสุดกวน ในบท ฟลินน์ ไรเดอร์ โจรซ่าเจ้าเสน่ห์

และบทเพลงสุดไพเราะตามสไตล์ดิสนีย์จากฝีมือของ อลัน เมนเคน นักประพันธ์/นักแต่งเพลง 8 รางวัลออสการ์

ผู้สร้างงานเพลงสุดคลาสสิกอย่าง The Little Mermaid, Beauty and the Beast, Aladdin, Pocahontas, และ Enchanted

เรื่องย่อ Rapunzel ราพันเซล เจ้าหญิงผมยาวกับโจรซ่าจอมแสบ

วอลท์ ดิสนีย์ พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ เทพนิยายผจญภัยที่หฤหรรษ์ที่สุดเรื่องหนึ่ง ราพันเซล เจ้าหญิงผมยาวกับโจรซ่าจอมแสบ เมื่อ ฟลินน์ ไรเดอร์ (ให้เสียงโดย แซคคารี เลวี่) โจร ซ่าสุดแสบ แต่ทว่าหน้าตาดี ที่มีค่าหัวมากที่สุดในอาณาจักร ได้เข้าไปซ่อนตัวอยู่ในหอคอยลึกลับ แต่กลับถูกจับเป็นตัวประกันซะเอง โดย ราพันเซล (ให้เสียงโดย แมนดี้ มัวร์) สาว สวยสุดเซี้ยว ที่มีผมสีทองสลวยสวยเก๋ ยาวถึง 70 ฟุต เธอทำข้อตกลงกับโจรหนุ่มสุดหล่อว่า จะปล่อยเขาไปถ้าเขาสามารถพาเธอออกไปจากหอคอยที่เธอถูกขังอยู่มานานหลายปีได้ หนุ่มซ่าสาวแสบเลยต้องจับคู่ออกผจญภัย เพื่ออิสรภาพของตัวเอง โดยมีผู้ร่วมทางคือ ม้าคู่หูของ ฟลินน์ และ กิ้งก่าที่หวงเจ้าของสุด ๆ ของ ราพันเซล

แอนิเมชันผจญภัยต้อนรับเดือนสุดท้ายของปี ที่เต็มไปด้วยความสนุก, ตื่นเต้น, โรแมนติก และ ฮากระจาย ในแบบ 3 มิติทะลุจอ

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย

• ราพันเซลเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องยาวเรื่องที่ 50 ของ วอลท์ ดิสนีย์ พิคเจอร์ส

• บรอน ฮาร์เวิร์ด และ นาธาน กรีโน่ 2 ผู้กำกับดาวรุ่งยุคใหม่แห่งวงการแอนิเมชันรับหน้าที่กุมบังเหียนภาพยนตร์ เรื่องนี้ โดยที่งานกำกับก่อนหน้านี้ของ ฮาร์เวิร์ด ก็คือภาพยนตร์แอนิเมชันของ วอลท์ ดิสนีย์ เรื่อง โบลท์ ในปี 2552 ที่ทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า 300 ล้านเหรียญฯ และได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ (สาขาแอนิเมชันยอดเยี่ยมและเพลงยอดเยี่ยม) รวมถึงเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ (สาขาแอนิเมชันยอดเยี่ยม)

3 มีนาคม ในโรงภาพยนตร์ และในระบบ ดิสนีย์ ดิจิตอล 3 มิติ

 

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก